เทศกาลคริสต์มาสคือช่วงเวลาของความรัก
... ความปรารถนาดี ... และการแบ่งปัน
วันนี้จึงได้ขออนุญาติผู้เขียนนำบทความจากหนังสือเรื่อง
"ไต่ตามโค้งตะวัน" ของ
คุณนริศ มณีขาว ที่มีหัวข้อเกี่ยวกับวันคริสต์มาสมาประดับบ้านเรานะคะ
... ขอขอบคุณอย่างมากมา
ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ความล้มเหลวที่ไม่ธรรมดา
คริสต์มาสที่ผ่านมานี้
มีเพลงที่ประทับใจผมมากที่สุดเพลงหนึ่ง
เพลงนั้นคือเพลง "จิงเกลเบล"
(Jingle Bell) อันที่จริงผมฟังเพลงนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว
ไม่ได้คิดอะไรมาก รู้สึกสนุกดี
... แต่ทำไมตอนนี้เพลงนี้กลับมีความหมายกับผมมากที่สุด
... ครับ ... ผมจะเล่าให้ฟัง
(แหม พูดยังกับลุงกำลังจะเล่านิทานให้หลาน
ๆ ฟังอย่างนั้นแหละ
แฮ่ะๆ)
ผู้แต่งเพลงนี้คือ
จอห์น เพียพอยน์ เขาตายด้วยโรคหัวใจล้มเหลวในปี
ค.ศ. 1866 เมื่ออายุได้ 81 ปี
ขณะทำงานเป็นเสมียนในกรุงวอชิงตัน
ดี.ซี. ... และดูเหมือนว่าเขามีประสบการณ์ของการเป็นผู้แพ้มาตลอดชีวิต
แม้เขาจบการศึกษาสาขาศึกษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยลที่มีชื่อเสียง
แต่เขาประสบความล้มเหลวในการสอนเพราะใจดีกับนักเรียนมากเกินไป
พอเปลี่ยนอาชีพเป็นนักกฎหมายก็ล้มเหลวอีก
เพราะใจดีเกินไป เขายึดหลักความยุติธรรม
และไม่ยอมรับงานที่มีค่าตอบแทนสูง
เขาลองหันมาเป็นพ่อค้าขายของแห้ง
ก็ล้มเหลวอีกเพราะใจดีเกินไปอีกนั่นแหละ
ยอมให้คนซื้อเอาของไปก่อน-จ่ายทีหลังมากเกินไป
แล้วเอากำไรเพียงน้อยนิดเท่านั้น
เปลี่ยนมาเขียนบทกวีส่งโรงพิมพ์
ค่าตอบแทนก็ไม่พอกัน
เขาเข้าศึกษาด้านศาสนศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและไปเป็นศาสนาจารย์ของโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองบอสตัน
ก็ล้มเหลวอีกเพราะเขาสนับสนุนการเลิกทาสและต่อต้านการเสพของมึนเมา
จึงมีปัญหากับสมาชิกผู้มีอิทธิพลของโบสถ์
จนต้องลาออก
เขาเปลี่ยนมาทำงานด้านการเมือวจนได้รับเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนพรรคเลิกทาส
เข้าชิงตำแหน่งปู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์
แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง
พอเข้าชิงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาในนามพรรคแผ่นดินเสรี
ก็แพ้อีกเช่นกัน
เขาสมัครเป็นสาธุคุณประจำกองร้อยอาสาสมัครจากรัฐแมสซาชูเซตส์ในช่วงสงครามกลางเมือง
ทำงานได้เพียงสองอาทิตย์ก็ต้องลาออก
เพราะสุขภาพไม่แข็งแรง
ก็ตอนนั้นเขาอายุตั้ง
76 ปีแล้ว
เขาหน้าที่เสมียนแผนกสารบรรณ
... ในช่วงห้าปีสุดท้ายของชีวิต
... งานนี้ไม่ค่อยเหมาะกับเขานัก
... เขาทำไปอย่างไม่ค่อยมีชีวิตชีวานัก
ที่หลุมศพของเขา
มีผู้จารึกไว้ว่า เขาเป็กวี
นักเทศน์ นักปรัชญา
และนักมนุษยนิยม จอห์น
เพียพอยน์ ตายอย่างคนล้มเหลว
เขาไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
แต่นี่ละครับที่เป็นเหตุให้ผมประทับใจเพลงของเขามากที่สุด
ก็ผมซาบซึ้งใจกับชีวิตของเขา
ที่ต่อสู้เพื่อให้อะไร
ๆ กับคนอื่น แม้ดูเหมือนว่าเขาประสบความล้มหลวตลอดชีวิต
... แต่เขามีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
... และมีหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักต่อเพื่อนมนุษย์มาโดยตลอด
นั่นมิใช่หรือที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง
จอห์นเขียนเพลง
จิงเกล เบล เพื่อเป็นของขวัญชิ้นเล็ก
ๆ ให้กับครอบครัว มิตรสหาย
และสมาชิกในโบสถ์ เพลงนี้กลายมาเป็นเพลงแห่งความสุขที่เรียบง่าย
เป็นเพลงที่คนหลายร้อยล้านคน
ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ จนถึงคนชราต่างรู้จักเพลงนี้ดี
สำหรับผม เมื่อทราบเบื้องหลังชีวิตของเขาแล้ว
เพลงนี้ยิ่งเป็นกำลังใจให้กับพวกเราทุกคน
ให้มีชีวิตอยู่ด้วยความหวังและต่อสู้เพื่อให้เกิดสิ่วที่ดีงามต่อมนุษยชาติ
... จะได้อยู่กันด้วยความยุติธรรม
สันติ และความร่าเริงยินดี
... แน่นอน เราเริ่มทำอะไรบางอย่างให้กันและกันอย่างง่าย
ๆ เริ่มจากตัวเราเอง
กับพ่อแม่ กับพี่น้อง
กับเพื่อน ๆ ควบคู่ไปพร้อม
ๆ กันกับการให้โอกาสแก่บุคคลที่ขาดโอกาสดี
ๆ ในชีวิตอีกมาก
ก็ขนาดเขาพบแต่ความล้มเหลวมากมายเช่นนั้นแล้ว
จอห์น เพียพอยน์ ยังเขียนเพลงที่ให้ความสุขกับผู้คนได้มากมายขนาดนี้
เรียกได้ว่าเป็นความล้มเหลวที่ไม่ธรรมดา
... แล้วเราล่ะครับ ผมเชื่อว่าเรายังมีอะไร
ๆ มากกว่าที่เราคิด
ที่จะแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นการให้โอกาส
ให้เวลา ให้ความรัก
... ความเอื้ออาทร ให้ปัญญา
หรือให้ทุนทรัพย์ กับคนรอบข้างได้อีกมากโขอยู่นา
...
****************************
จริง ๆ ด้วยนะคะ
... ทุกคนมีสิ่งที่ดี ๆ
อยู่ในชีวิตมากมาย
อย่าลืมแบ่งปันให้แก่กันและกัน
มีกวีท่านหนึ่งเคยเขียนไว้ว่า
เราจะไม่สามารถพรมน้ำหอมให้กับคนอื่นโดยไม่ถูกตัวเอง
... เราจะไม่สามารถจุดเทียนเพื่อให้แสงสว่างกับคนอื่นโดยตัวเองยังอยู่ในความมืด
... เมื่อแบ่งปันแล้วใจก็เป็นสุข
... จริงมั๊ยคะ?
วันนี้คุณบอกรักคนที่คุณรักและรักคุณหรือยังคะ?